เคทีซีเผยเดือน ม.ค.ยอดใช้จ่ายกระเตื้อง มั่นใจทั้งปีโต 10% ตามเป้า เจาะกลุ่มรายได้สูง

เคทีซีเผยทิศทางธุรกิจเดือนแรกของปีมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังต้องติดตามความไม่แน่นอน พร้อมเดินหน้าต่อเนื่องตามเป้าหมาย โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 10% เน้นกลุ่มรายได้ปารกลาง-สูงมากขึ้น สินเชื่อบุคคลเติบโต 7% และสินเชื่อพี่เบิ้มที่ 1.5 หมื่นล้าน

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจในเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยธุรกิจบัตรเครดิตในเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา มียอดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในระดับที่สูงกว่ายอดใช้จ่ายในเดือนมกราคมปี 62 แต่ยังคงต้องระมัดระวังต่อไป เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง และยังคงเป้าหมายยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตที่ 10% ยอดสินเชื่อบุคคลเติบโต 7% และยอดปล่อยสินเชื่อพี่เบิ้มที่ 15,000 ล้านบาท และมีพอร์ตสินเชื่อรวมแตะ 100,00 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจบัตรเครดิตนั้น ในปีนี้จะเน้นเจาะกลุ่มรายได้ระดับ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนในพอร์ตรวมที่ประมาณ 25% โดยจะขยายการออกบัตรร่วมกับพันธมิตร รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในการออกแคมเปญต่างๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ขณะที่สินเชื่อบุคคลจะเริ่มกลับมาเติบโตทั้งในส่วนของสินเชื่อที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน หลังจากที่ค่อนข้างนิ่งมา 2 ปี โดยส่วนหนึ่งมาจากสินเชื่อพี่เบิ้มซึ่งจะมีการขยายความร่วมมือเพิ่มขึ้นกับสาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ ร่วมถึงผ่านช่องทางออนไลน์กับแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT รวมถึงสาขาของเคทีบีลีสซิ่งอีกกว่า 10 แห่ง

“ปกติความร่วมมือของเคทีซีกับบริษัทแม่คือธนาคารนั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ต่อไปจะเพิ่มมากขึ้นทั้งด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่ร่วมกันพัฒนาเพื่อให้เกิดการบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ขณะที่สินเชื่อพี่เบิ้ม จะใช้ช่องทางสาขาของธนาคารที่มีทั่วประเทศเพื่อลูกค้าให้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น โดยเป้าหมายที่ 15,000 ล้านบาทนั้น จะเป็นส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 80% หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะอยู่ในพอร์ตของเคทีซี และสินเชื่อเช่าซื้ออีก 3,500-4,000 ล้านบาท จะเป็นส่วนของเคทีบีลีสซิ่ง”

ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) นั้น ณ ปลายปี 64 อยู่ที่ 3.6% เป็นของบัตรเครดิต 1.2% สินเชื่อบุคคล 2.9% โดยในปีนี้จะยังคงพยายามให้อยู่ในระดับเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเราต้องการขยายธุรกิจเพิ่มในบางช่วงตัวเลขเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นบ้าง แต่จะเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ขณะที่การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของเคทีบีลีสซิ่งนั้น ในส่วนของพอร์ตสินเชื่อใหม่จะมีการตั้งสำรองในเกณฑ์ปกติ ส่วนของพอร์ตเดิมนั้น ได้ตั้งสำรองในช่วงที่ผ่านมาสูงไประดับหนึ่งแล้ว แต่อาจจะมีเพิ่มเติมหากมีลูกหนี้ที่ไหลลงมาอีก แต่โดยรวมๆ แล้วการตั้งสำรองในปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน

สำหรับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น นายระเฑียร กล่าวว่า โดยตัวของเคทีซีเอง สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่พื้นที่ที่เราจะเข้าไป เนื่องจากเราอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งยังไม่สนับสนุนให้เข้าไปทำ แต่อาจจะมีบางส่วนที่จะเข้ามาเชื่อมโยงอยู่ในแพลตฟอร์มของ MAAI By KTC ที่เราพัฒนาขึ้นมาเพื่อพัฒนาการบริการให้พาร์ตเนอร์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการคะแนนสะสม แต่จะเป็นการเชื่อมโยงในรูปแบบที่ไม่ขัดกับเกณฑ์ที่ผู้กำกับดูแลกำหนด

**มั่นใจหลังเกษียณเคทีซียังแกร่ง**
นายระเฑียร กล่าวอีกว่า ตามที่ได้มีการต่ออายุการดำรงตำแหน่งของตนมาตั้งแต่ 2019 นั้น ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีนี้หมดวาระลง แต่เชื่อมั่นว่าคณะกรรมการจะมีการเฟ้นหาผู้บริหารที่มีความสามารถมาดำรงตำแหน่งต่อไป ขณะเดียวกัน ผลงานของเคทีซีที่เติบโตมาอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้มาจากตนเพียงคนเดียว แต่มาจากทีมงานที่ดีทุกคน และเชื่อว่าด้วยคุณภาพพอร์ตและพื้นฐานที่เป็นอยู่ในขณะนี้จะทำให้เคทีซีมีผลงานที่เติบโตต่อไปได้อย่างแน่นอน

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket

admin

Related Posts